欢迎大家一起学习中文

ภาษาจีนไม่ยากอย่างที่คิด ฝึกฝนวันละนิดความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินฝัน

ตัวอย่างประโยค และบทสนทนา ภาษาจีน เรื่อง การแนะนำตัว



你好 ni3 hao3 สวัสดี
我姓郑 wo3 xing4 zheng4 ฉันแซ่ เจิ้ง
我叫郑明正 wo3 jiao4 zheng4 ming2 zheng4 ฉันชื่อ เจิ้งหมิงเจิ้ง
我是学生 wo3 shi4 xue2 sheng1 ฉันเป็นนักเรียน
我是泰国人 wo3 shi4 tai4 guo2 ren2 ฉันเป็นคนไทย
我家乡在清迈 wo3 jia1 xiang1 zai4 qing1 mai4 บ้านเกิดฉันอยู่เชียงใหม่
我到北京来读书 wo3 dao4 bei3 jing1 lai2 du2 shu1 ฉันมาปักกิ่งเพื่อเรียนหนังสือ

คำศัพท์ภาษาจีน
姓 xing4 ซิ่ง / นามสกุล
贵姓 gui4 xing4 กุ้ยซิ่ง / นามสกุล
叫 jiao4 เจี้ยว / เรียก
是 shi4 ซื่อ / เป็น, คือ, ใช่
学 xue2 เสวีย / เรียน
学生 xue2 sheng1 เสวีย เซิง / นักเรียน
泰国 tai4 guo2 ไท่ กว๋อ / ประเทศไทย
人 ren2 เยริ๋น / คน
家 jia1 เจีย / บ้าน
家乡 jia1 xiang1 เจีย เซียง / ถิ่นฐาน, บ้านเกิด
清迈 qing1 mai4 ชิง ม่าย / เชียงใหม่ (ชื่อเมือง)
在 zai4 ไจ้ / อยู่
到 dao4 เต้า / ถึง
北京 bei3 jing1 เป่ย์ จิง / ปักกิ่ง (ชื่อเมือง)
来 lai2 ไหล / มา
读书 du2 shu1 ตู๋ ซู / เีรียนหนังสือ

ชื่อจังหวัดต่างๆ ในภาษาจีน

曼谷 man4 gu3 ม่าน กู่ กรุงเทพ
清迈 qing1 mai4 ชิง ม่าย เชียงใหม่
普吉岛 pu3 ji2 dao3 ผู่ จี๋ เต่า ภูเก็ต
巴提亚 ba1 ti2 ya2 ปา ถี หยา พัทยา
清莱 qing1 lai2 ชิง ไหล เชียงราย
南邦 nan2 bang1 หนาน ปัง ลำปาง

ภูมิภาคต่างๆ

北部 bei3 bu4 เป่ย ปู้ ภาคเหนือ
南部 nan2 bu4 หนาน ปู้ ภาคใต้
中部 zhong1 bu4 จง ปู้ ภาคกลาง
东部 dong1 bu4 ตง ปู้ ภาคตะวันออก
西部 xi1 bu4 ซี ปู้ ภาคตะวันตก
东北部 dong1 bei3 bu4 ตง เป่ย ปู้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


จากบทก่อนๆ เราเคยเรียนรู้มาแล้วว่าการทักทายเมื่อพบหน้ากันในช่วงเวลาต่างๆ ต้องพูดว่าอย่างไร
คราวนี้เรามาดูกันว่า นอกจากการพูดว่า สวัสดี อรุณสวัส ราตรีสวัสแล้ว การพบปะผู้คนก็ต้องมีประโยคและคำพูดที่ต้องสนทนากันต่อไป บทนี้เรามาดูตัวอย่างคำพูด บทสนทนาที่ใช้บ่อยๆ กันครับ

อย่างเช่นตอนเช้าๆ เดินออกจากบ้านระหว่างไปทำงาน หรือในที่ทำงานเมื่อพบกับเพื่อนๆ เราก็จะทักทายเขาว่า

早安 zao3 an1 (เจ่าอัน) แปลว่าสวัสดีตอนเช้า หรืออรุณสวัสนั่นเอง แล้วเมื่อมีคนทักเราว่า 早安 zao3 an1 เราก็ตอบกลับไปได้เลยว่า 早安 zao3 an1 เช่นเดียวกันครับ

นอกจากสวัสดีกันแล้วส่วนมากก็จะถามสารทุกข์สุขดิบกัน หรือถามเรื่องต่างๆ เช่น

你今天怎么样 ? ni3 jin1 tian1 zen3 me yang4? หนี่ จินเทียน เิจิ่นเมอย่าง ?
ซึ่งแปลว่า วันนี้คุณเป็นไงบ้าง ? หรือ เป็นอย่างไรบ้างวันนี้ ?

ผู้ตอบก็อาจตอบว่า
很好 hen3 hao3 เหินห่าว / สบายดี
不太好 bu3 tai4 hao3 ปู่ ไท่ ห่าว / ไม่ค่อยดีเท่าใหร่


หรืออาจถามว่า
昨天睡得好吗? zuo3 tian1 shui4 de hao3 ma? จั่ว(จูโอ่) เทียน ซุ่ย เตอ ห่าว มา?
เมื่อวาน(เมื่อคืน) นอนหลับดีมั้ย ?

很好 hen3 hao3 เหินห่าว /ดีมาก
睡不着 shui4 bu4 zhao2 ซุ่ย ปู้ เจ๋า / นอนไม่หลับ
อย่างนี้เป็นต้น

ตัวอย่างคำที่มักใช้ในประโยคสนทนา

怎么样啊? zen3 me yang4 a? เจิ่น เมอ ย่าง อา?
เป็นไงมั่ง (เป็นอย่างไรบ้าง)

身体好吗? shen1 ti3 hao3 ma? เซิน ถี่ ห่าว มา?
สุขภาพร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง

你呢? ni3 ne? หนี่ เนอะ ?
คุณล่ะ


ซึ่งนอกเหนือจากคำว่า หนีห่าว แล้วการทักทายแบบนี้ ก็เป็นที่นิยมใช้กันอย่างมาก
เป็นการทักทายแบ่งตามช่วงเวลาของวัน เช่นตอนเช้า ตอนกลางวัน กลางคืน
มีดังนี้
---------------------------------------

早安 zao3 an1 (เจ่า อัน) อรุณสวัส , สวัสดีตอนเช้า
午安 wu3 an1 (หวู่ อัน) สวัสดีตอนเที่ยงวัน , สวัสดีตอนกลางวัน
晚安 wan3 an1 (หว่าน อัน) ราตรีสวัส

---------------------------------------
ซื่งทั้งสามแบบนี้ ใช้งานเหมือนกับตัวอย่างการทักทายอรุณสวัสด้านบนเช่นเดียวกัน
แต่สำหรับคำว่า 晚安 นั้นมักจะมีความหมายไปในทางบอกกล่างร่ำลาเสียมากกว่าการทักทายเมื่อพบหน้า
ซึ่งก็เหมือนกับภาษาไทย คำว่า ราตรีสวัส นั่นเอง

คำศัพท์

你好 ni3 hao3 หนี ห่าว = สวัสดี
很好 hen3 hao3 เหิน ห่าว = ดีมาก
很 hen3 เหิ่น = มาก
今天 jin1 tian1 จินเทียน = วันนี้
明天 ming2 tian1 หมิงเทียน = พรุ่งนี้
昨天 zuo2 tian1 จั่ว เทียน = เมื่อวาน
怎么样 zen3 me yang4 เจิ่น เมอ ย่าง = เป็นอย่างไรบ้าง
不太 bu3 tai4 ปู่ ไท่ = ไม่ค่อยจะ....
睡 shui4 ซุ่ย = นอนหลับ

การติดตั้งคีย์บอร์ดของเราให้พิมพ์อักษรภาษาจีนได้นั้นไม่ยากเลยครับ ไม่ต้องไปซื้ออะไรมาเพิ่ม
เพียงแต่หากคอมพิวเตอร์ของคุณยังไม่ได้ติดตั้งอักษรจีน หรืออักษรภาษาตะวันออก อาจจะต้องใช้แผ่นวินโดวส์ในการติดตั้งด้วย แต่หากคอมพิวเตอร์ของคุณอ่านภาษาจีนได้ นั่นก็หมายความว่าคุณน่าจะมีภาษาจีนในเครืองคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ก็สามารถตั้งค่าให้คอมพ์ของคุณพิมพ์ภาษาจีนได้เลย

พิมพ์จีนได้ในไม่กี่คลิก

ขั้นแรกให้คลิกขวาที่แถบแสดงภาษา บนทาสก์บาร์ด้านขวามือล่างของจอคอมพิวเตอร์


จากนั้นคลิกเลือกที่ settings...


จะขึ้นหน้าต่างแบบนี้มา ให้คลิกที่ Add...



คลิกเลือก Input language : แล้วจะมีรูปแบบแป้นพิมพ์ให้เราเลือกยืดออกมา


ให้เลือกที่ Chinese (PRC) แต่ถ้าใครเลื่อนขึ้นเลื่อนลงแล้วก็หาไม่เจอ ก็แสดงว่าเรายังไม่ได้ติดตั้งภาษาเหล่านี้ ต้องใส่แผ่นวินโดวส์เข้าไป แล้วจัดการติดตั้งภาษาซะ



* ย้ำ ! ให้เลือก Chinese (PRC) นะครับเพราะจะมีแป้นภาษาจีนหลายรูปแบบ แต่เราจะใช้แบบ พินอิน คือใช้อักษรตัวภาษาอังกฤษในการพิมพ์ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนคีย์บอร์ดของเราแต่อย่างได ส่วนใครจะถนัด ใช้แบบ จู้อิน หรือแบบอื่นก็แล้วแต่สะดวกครับ

สังเกตให้ดี จะต้องเป็น Microsoft Pinyin IME 3.0 นะครับ


จากนั้นคลิก OK แล้วก็จะสังเกตเห็นว่าในช่อง Installed Services ของเราจะมีคีย์บอร์ดภาษาจีนเพิ่มขึ้นมาอีก 1ตัว



ทำการคลิก Apply และ OK เพื่อบันทึกค่าที่ตั้งไว้ซะ

จากนั้นเมื่อเราคลิกที่แถบอักษรบนทาสก์บาร์ ก็จะมีภาษาจีนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอัน


ซึ่งบางครั้งการติดตั้งคีย์บอร์ดมากกว่า 2 ภาษาอาจจะทำให้เกิดการรวน ในการใช้ปุ่ม Grave หรือปุ่มตัวหนอนในการเปลี่ยนภาษา
ให้เราใช้วิธีการคลิกที่แถบอักษรนี้แล้วเลือกภาษาที่ต้องการแทนก็ได้ครับ


หากทำทุกอย่างตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วไม่มีปัญหา เราก็สามารถพิมพ์อักษรภาษาจีนได้แล้วครับ


และเมื่อเราพิมพ์บนคีย์บอร์ด ก็จะมีอักษรภาษาจีนออกมาให้เราเลือกยืดออกมาด้านล่าง เราต้องการคำใหนก็เลือกเอา หรือกดหมายเลขที่อยู่ด้านหน้าตัวอักษรนั้นๆ (ตัวเลขด้านล่าง ปุ่ม F1 F2 แถวนั้นนะครับ ตัวเลขบนคีย์แพดใช้ไม่ได้)


การติดตั้งคีย์บอร์ดภาษาจีนเพิ่มเติมเข้าไป บางครั้งอาจทำให้การใช้ปุ่มสลับภาษา (grave) หรือปุ่มตัวหนอนทำงานผิดพลาดบ้าง เช่นมันจะสลับให้เฉพาะภาษาไทย กับภาษาจีน หรือ อังกฤษกับจีน เป็นต้น
เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้เมาส์คลิกที่ปุ่มแสดงอักษรที่ทาสก์บาร์



แล้วเอาเมาส์เลือกภาษาเอาก็ได้ครับ

ถ้าต้องการลบคีย์บอร์ดภาษาจีน (หรือภาษาอื่น) ออกไปก็ทำตามขั้นตอนเดิม แล้วคลิกเลือกที่
คีย์บอร์ดภาษาจีน (หรือภาษาที่ต้องการลบ) แล้วกด Remove แค่นี้ก็ลบคีย์บอร์ดที่ไม่ต้องการออกได้แล้วครับ


เพียงแต่ว่าคุณต้องรีสตาร์ทเครื่องคอมพ์ก่อนหนึ่งครั้งหลังจาก Remove เพื่อให้สามารถใช้ปุ่มสลับภาษาได้เป็นปกติครับ


การนับตัวเลขในภาษาจีนนั้น ถือได้ว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนไทย
เพราะวิธีการนับเลขมีวิธีที่คล้ายคลึงกัน เช่นการเรียงตัวเลขหลัง หน่วย หลักสิบ หลักร้อย ที่คล้ายๆกัน เพียงแต่การนับเลขของจีนอาจจะนับถึงแค่หลักหมื่น เกินหลักหมื่นขึ้นไปก็จะนับเป็นสิบหมื่น ร้อยหมื่นขึ้นไปเป็นต้น

เรามาดูกันก่อนว่าตัวเลขในภาษาจีนมีอะไรกันบ้าง

零 ling2 หลิง = 0
一 yi1 อี = 1
二 er4 เอ้อร์ = 2
三 san1 ซาน = 3
四 si4 สื้อ = 4
五 wu3 อู่ (หวู่) = 5
六 liu4 ลิ่ว = 6
七 qi1 ชี = 7
八 ba1 ปา = 8
九 jiu3 จิ่ว = 9
十 shi2 สือ = 10

百 bai3 ป่าย = ร้อย
千 qian1 เชียน = พัน
万 wan4 ว่าน = หมื่น
十万 shi2 wan4 สือ ว่าน = แสน
百万 bai3 wan4 ป่าย ว่าน = ล้าน
千万 qian1 wan4 เชียน ว่าน = สิบล้าน

การนับจำนวน
ส่วนการนับจำนวนในภาษาจีนกลางนั้น ไม่ยากเลย ก็เหมือนกับภาษาไทยคือนำเอาตัวเลขมาเรียงต่อกันตามหลักแล้วก็อ่านออกเสียงตามนั้นเลยเช่น
การนับ หนึ่งถึงสิบก็ไม่มีอะไร ก็นับ อี เออร์ ซาน สื้อ ไปจนถึง สือ นั่นเอง
11 = 十一 shi2 yi1 สือ อี
12 = 十二 shi2 er4 สือ เอ้อร์
20 = 二十 er4 shi2 เอ้อร์ สือ
21 = 二十一 er4 shi2 yi1 เอ้อร์ สือ อี
22 = 二十二 er4 shi2 er4 เอ้อร์ สือ เอ้อร์
30 = 三十 san1 shi2 ซาน สือ
100 = 一百 yi1 bai3 อี ป่าย
101 = 一百一 yi1 bai3 yi1 อี ป่าย อี (หรือ yi1 bai2 ling2 yi1 อี ป๋าย หลิง อี)
115 = 一百十 五 yi1 bai3 shi2 wu3 อี ป่าย สือ อู่
150 = 一百五十 yi1 bai3 wu3 shi2 อี ป่าย อู่ สือ
199 = 一百九十九 yi1 bai3 jiu3 shi2 jiu3 อี ป่าย จิ่ว สือ จิ่ว

แต่จะมีพิเศษอยู่นิดหนึ่ง ตรงหลักร้อยขึ้นไป เลข 2 หากเป็นเลขประจำหลักร้อยขึ้นไป จะไม่อ่านว่า er4 เอ้อร์ นะครับ แต่จะอ่านว่า 两 liang3 เหลี่ยง เราต้องเข้าใจว่าสองร้อยในภาษาจีนหมายถึง ร้อยสองอัน ตัวอย่างเช่น

200 两百 liang3 bai3 เหลี่ยง ป่าย
2,000 两千 liang3 qian1 เหลี่ยง เชียน
2,200 两千两百 liang3 qian1 liang3 bai3 เหลี่ยง เชียน เหลี่ยง ป่าย
2,220 两千两百二十 liang3 qian1 liang3 bai3 er4 shi2 เหลี่ยง เชียน เหลี่ยง ป่าย เอ้อร์ สือ
สังเกตนะครับว่า หลัก ยี่สิบ ก็ยังเป็น er4 shi2 อยู่จะเปลี่ยนไปเป็น liang3 ก็ต่อเมื่อถึงหลักพันขึ้นไปเท่านั้น
ซึ่งคำว่า liang3 เหลี่ยง นี้จะแปลว่าจำนวนที่เป็น 2 คือจะใช้เมื่อเราพูดถึงจำนวนของสิ่งของ เช่นของสองอัน ก็จะพูดว่า 两个 liang3 ge เหลี่ยงเกอะ เป็นต้น

ส่วนเลขตัวอื่นก็นับตามปกติไม่มีอะไรพิเศษ
300 三百 san1 bai3 ซาน ป่าย
360 三百六十 san1 bai3 liu4 shi2 ซาน ป่าย ลิ่ว สือ
500 五百 wu3 bai3 อู่ ป่าย
900 九百 jiu3 bai3 จิ่ว ป่าย
1,000 一千 yi1 qian1 อี เชียน
2,000 两千 liang3 qian1 เหลี่ยง เชียน
3,590 三千五百九十 san1 qian1 jiu3 bai3 wu3 shi2 ซาน เชียน จิ่ว ป่าย อู่ สือ
10,000 一万 yi1 wan4 อี ว่าน
20,000 两万 liang3 wan4 เหลี่ยง ว่าน
22,222 两万两千两百二十二 liang3 wan4 liang3 qian1 liang3 bai3 er4 shi2 er4 เหลี่ยง ว่าน เหลี่ยง เชียน เหลี่ยง ป่าย เอ้อร์ สือ เอ้อร์
100,000 十万 shi2 wan4 สือ ว่าน (ซึ่งก็คือ สิบหมื่น นั่นเอง)
1,000,000 一百万 yi1 bai3 wan4 อี ป่าย ว่าน (ร้อยหมื่น)
10,000,000 一千万 yi1 qian1 wan4 อี เชียน ว่าน (พันหมื่น)
200,000 二十万 er4 shi2 wan3 เอ้อร์ สือ ว่าน (ยี่สิบหมื่น สังเกตว่าจะไม่ใช่ liang3 นะครับเพราะว่ามันคือ ยี่สิบ ,ยี่สิบหมื่น ก้อต้องใช้ er4 shi2 wan4 ครับ)
2,000,000 两百万 liang3 bai3 wan4 เหลี่ยง ป่าย ว่าน
2,222,222 两百二十二万两千两百二十 liang3 bai3 er4 shi2 er4 wan4 liang3 qian1 liang3 bai3 er4 shi3 er4

งงกันรึเปล่า หวังว่าคงจะไม่งงนะครับ !

หนี ห่าว 你好 ni3 hao3

ประโยคที่คนไทยส่วนใหญ่มักจะทราบดีอยู่แล้วว่า เป็นคำทักทายในภาษาจีน ที่แปลว่า สวัสดี นั่นเอง

คำว่า หนี ห่าว จะใช้เป็นการทั่วไป และสามารถใช้ได้กับทุกคน ทุกโอกาส ทุกช่วงเวลา ซึ่งความหมายโดยตรงของคำนี้แปลว่า คุณสบายดี (มั้ย?) นั่นเอง
และคำนี้แบ่งออกเป็นสองคำ คือ หนี่ และ ห่าว

คำว่า หนี่ 你 ni3 คำนี้แปลว่า คุณ เธอ ทั่น ซึ่งก็คือ You ในภาษาอังกฤษนั่นเอง
ตัวต่อมาคือ ห่าว 好 hao3 คำนี้แปลว่า ดี หรือ ในภาษาอังกฤษ
เมื่อนำสองคำมารวมกันก็จะได้ความหมายว่า คุณ ดี ก็คือ คุณสบายดี หรือ คุณสบายดีไหม นั่นเอง
ถ้าจะให้ได้ความหมายจริงๆ ตามหลักภาษาจีน ถ้าจะพูดว่าคุณสบายดีไหม จะต้องพูดเต็มๆ ว่า หนี ห่าว มา ? 你好吗? ni3 hao3 ma? ตัวคำว่า มา ต่อท้ายตัวนี้จะทำหน้าที่ ทำให้ประโยคเป็นลักษณะคำถาม เหมือนกับภาษาไทยที่เราใช้คำว่าว่า มั้ย , หรือไม่ ต่อท้ายนั่นเอง

แต่นอกเหนือจากคำว่า สวัสดี แล้วในภาษาจีนก็ยังมีวิธีพูดทักทายอีกหลายแบบ เหมือนกับคนไทย เวลาเจอหน้ากันก็จะี่มีการทักทายตามช่วงเวลา เช่น อรุณสวัส ราตรีสวัส เป็นต้น ซึ่งในภาษาจีนก็เหมือนกันดังนี้

เจ่า อัน 早安 zao3 an1 อรุณสวัส ใช้ทักทายตอนเช้าแปลว่าสวัสดีตอนเช้า คนจีนส่วนมากจะใช้คำนี้ทักทายคนที่พบปะกันในตอนเช้า และบางครั้งหากเป็นเพื่อนหรือคนที่เราสนิทสนม เขาก็มักจะพูดสั้นๆ ว่า เจ่า เฉยๆก็ได้ ซึ่งจะเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีความสนิทสม และเมื่อมีคนมาทักเราว่า เจ่าอัน 早安 เราก็จะตอบเขากลับไปว่า เจ่าอัน 早安 เช่นกัน หรืออาจจะตอบว่า เจ่า เฉยๆก็ได้หากคนที่ทักทายเราเป็นเพื่อน คนสนิท หรือคนที่อายุน้อยกว่าเราเป็นต้น

อู่ อัน (หวู่ อัน) 午安 wu3 an1 สวัสดีตอนบ่าย ใช้ทักทายเวลาตั้งแต่เที่ยงวันถึงตอนบ่าย แต่ช่วงตอนสายๆ ถึงเที่ยงคนส่วนมากมักจะทักทายกันว่า หนีห่าว เสียมากกว่า

หว่าน อัน 晚安 wan3 an1 ราตรีสวัส ใช้ทักทายตอนกลางคืน ซึ่งก็เหมือนภาษาไทยที่มักจะใช้ในความหมายในการร่ำลา มากกว่าเป็นการทักทาย เช่นกัน เมื่อมีคนพูดราตรีสวัสกับเรา เราก็ตอบกลับไปว่า ราตรีสวัส เช่นนั้นเช่นกัน แล้วอาจจะส่งท้ายว่า แล้วเจอกัน หรือ พรุ่งนี้เจอกัน เป็นต้น


ตัวอย่างบทสนทนา

คุณหลี่
: 张先生,你好
: zhang1 xian1 sheng1 , ni3 hao3
: จางเซียนเซิง หนีห่าว
: คุณจางครับ , สวัสดี

คุณจาง
: 你好,很久不见,你最近好吗?
: ni3 hao3 , hen3 jiu3 bu3 jian4 , ni3 zui4 jin4 hao3 ma1 ?
: หนีห่าว ,เหินจิ่วปู่เจี้ยน ,หนี่ จุ้ยจิ้น ห่าวมา
: สวัสดี ,ไม่เจอกันตั้งนาน ,คุณช่วงนี้สบายดีมั้ย

คุณหลี่
: 很好, 你呢?
: hen3 hao3 , ni3 ne?
: เหินห่าว ,หนี่เนอ
: สบายดี ,คุณล่ะ

คุณจาง
: 很好,谢谢
: hen3 hao3 , xie4 xie4
: เหินห่าว ,เซี่ยเซี่ย
: สบายดี ,ขอบคุณ


หมายเหตุ
คำอ่านภาษาไทยใต้ตัวอักษรเป็นเพียงการออกเสียงที่ใกล้เคียงเท่านั้น ซึ่งหากต้องการพูดออกเสียงภาษาจีนให้ชัด ต้องฝึกอ่านตัวอักษร โรมันพินอิน

大家好. da4 jia1 hao3 ต้าเจียห่าว สวัสดีทุกคน

คนที่เริ่มศึกษาภาษาจีน ก็จะเห็นบทเรียนภาษาจีนแต่ละที่ เมื่อเขียนอักษรจีน ก็จะมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษกำกับอยู่ด้านข้าง หรือด้านล่าง และอาจจะมีขีดๆ ข้างบนตัวหนังสือ หรือบางครั้งก็มีตัวเลขกำกับไว้ด้านหลัง ใช่มั้ยครับ

หลายคนอาจจะสงสัยอยู่บ้างว่า มันคืออะไร แล้วจะต้องอ่านอย่างไร ดังนั้นจะขออธิบายง่ายๆดังนี้

เราทราบกันแล้วว่าภาษาจีนเป็นภาษาภาพ คือ ตัวอักษรจีนแต่ละตัวเหมือนเป็นภาพวาดหนึ่งภาพ ที่ใช้แทนความหมายของคำต่างๆ ซึ่งไม่สามารถสะกด ออกมาเป็นเสียงได้
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ศึกษาภาษาจีนสามารถทราบได้ว่า ตัวอักษรจีนแต่ละตัว อ่านออกเสียงอย่างไร คนจีนจึงใช้อักษรโรมัน มาสะกดเสียง และใช้ตัวเลข (หรือขีด) เป็นตัวบอกระดับเสียงสูงต่ำ เหมือนกับที่ภาษาไทยเราใส่ไม้เอก ไม้ไท เพื่อกำกับระดับเสียงนั่นเองครับ

ตัวอย่างเช่นni3
n คือตัว น.
i = สระอี
3 ก็เหมือนกับ ไม้เอก

ดังนั้น คำนี้ก็อ่านว่า ni3 = หนี่ นั่นเอง

1 = เสียงสามัญ เรียบๆ เหมือนไม่เติมอะไร เช่น เอา ไต ตา ลา เป็นต้น
2 = เสียงจัตวา ในภาษาไทย เช่น ขา หมา หนา ฉา เป็นต้น
3 = เสียงเอก นภาษาไทย เช่น ข่า ต่า ถ่า ป่า เป็นต้น
4 = เสียงโท ในภาษาไทย เช่น ต้า ล่า ม่า หน้า น่า ปู้ เย่า พ่า เป็นต้น

ต่อไปนี้คือตารางอักษรโรมันพินอิน ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกสั้นๆ ว่าอักษร พินอิน นะครับ



นอกจากนี้ยังมีเสียงสระประสมอีกส่วนหนึ่ง แต่ก็มาจากสระพื้นฐานเหล่านี้มาผสมกัน เช่น

สระ ia = อีอา , ie = อีเอ , ioung = อีโอง ,ui = อูย เป็นต้น






เห็นอย่างนี้แล้วก็อย่าเพิ่งรีบถอดใจไปซะก่อนนะครับ จริงๆแล้วมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด
อย่างตัวผมเองเริ่มหัดพูดจากที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย เริ่มจากการจดคำอ่านเป็นภาษาไทยเอามาฝึกอ่าน ฝึกท่อง จำคำศัพท์กับความหมาย แล้วค่อยๆ มาปรับเปลี่ยนเสียงที่เราออกเสียงผิด แต่เมื่อรู้วิธีอ่าน พินอิน แล้ว ก็ไม่ใช้อักษรไทยสะกดเสียงอีกเลย แถมเวลาเห็นคนเขียนภาษาจีนด้วยอักษรไทยแล้วมันจะรู้สึกขำๆ แปลกๆ ยังไงไม่รู้ เพราะแต่ละคนก็พยายามจะสะกดให้ใกล้เคียง แต่ยังไงมันก็ไม่เหมือน

เมื่อเราฝึกอ่านอักษรโรมันพินอิน (ตัวอ่านภาษาอังกฤษ) ที่กำกับอยู่กับอักษรจีนบ่อยๆ ก็จะทำให้เราชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเองตอนแรกๆ ก็อาศัยคำอ่านภาษาไทย แต่เมื่อชินกับอักษรพินอินแล้ว ก็จะไม่ค่อยได้ใช้คำอ่านภาษาไทยอีกเลย เพราะมันเพี้ยนมาก

คำอ่านส่วนมากก็จะไม่ยากเลยครับ เพราะอ้างอิงเสียงมาจากภาษาอังกฤษ
จะมีแตกต่างอยู่ไม่กี่ตัวที่ต้องจำเช่น

b = ป ไม่ใช่ บ. ใบไม้
d = ต ไม่ใช่ ด. เด็ก
q = ฉ ไม่ใช่ ค. ควาย
u ออกเสียงว่า อวี ไม่ใช่ ยู
แบบนี้เป็นต้น
แรกๆ ก็งงบ้างเหมือนกัน แต่ใช้บ่อยๆ ก็ชินไปเองครับ รวมทั้งตัวเลขกำกับเสียงก็เช่นเดียวกัน

เอาละ พร้อมแล้ว เรามาเริ่มลุยศึกษาภาษาจีน และอักษรจีนกันเลย..........

你好 !
สวัสดีครับ บทนี้เรามาว่าด้วยเรื่อง " ภาษาจีนง่ายนิดเดียว " แต่ยากเหลือเกิน :') (ล้อเล่น ๆ.. )

ถึงแม้อักษรจีนจะมีมากมายหลายหมื่นตัว แต่การพูดภาษาจีนนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป เพราะภาษาจีนเป็นภาษาหนึ่งที่มีหลักไวยากรต่างๆไม่ซับซ้อน ถึงกับมีบางคนพูดไว้ว่า ภาษาจีนมีลักษณะ Cave man like gramma หรือภาษามนุษย์ถ้ำ ที่มีวิธีการพูอไม่ซับซ้อนมากนัก

ตัวอักษรจีนมีทั้งหมดกี่ตัวไม่สามารถระบุไ้ด้ชัด เพราะภาษาจีนนั้นยังแบ่งออกเป็นภาษาจีนแบบต่างๆ ในแต่ละท้องถิ่น เ่ช่นจีนกลาง จีนกวางตุ้ง จีนแต้จิ๋ว จีนอื่นๆอีกมากมาย แต่ที่เราพูดถึงและจะเรียนรู้กันก็คือ ภาษาจีนกลาง ที่เป็นภาษากลางของชาวจีนทุกท้องถิ่น ภาษาจีนนั้นจะใช้ตัวอักษรเหมือนกันหมด เพียงแต่จะอ่านออกเสียงไม่เหมือนกันเท่านั้น

ปัจจุบันอักษรจีนที่พอรวบรวมได้มีประมาณ 6 หมื่นตัวอักษร แต่ที่ใช้กันจริงๆ มีประมาณ 4,000 ตัว และใช้ในชีวิตประจำวันประมาณ 1,000 ตัว ดังนั้นหากเราจำอักษรจีนได้ถึง 1,000 ตัวเราก็จะอ่านหนังสือพิมพ์ หรือบทความภาษาจีนง่ายๆได้เข้าใจแล้วล่ะครับ

อักษรจีนเป็นอักษรลักษระ อักษรภาพ คืออักษรหนึ่งตัวก็เหมือนกับรูปภาพหนึ่งภาพที่ใช้แทนความหมายของคำต่างๆ ดั้งเดิมอักษรจีนจะมีลักษณะที่เหมือนกับรูปวาดมาก แต่เนื่องจากมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาตลอด ทำให้อักษรจีนทุกวันนี้มีลักษณะเส้นสายที่เป็นอักษรมากขึ้น และง่ายต่อการเขียนมากกว่า แต่ก็ยังคงความสวยงามในลักษณะเส้นสายของรูปวาดเช่นเดิม

เคยสัยเกตรึเปล่าครับว่า ตัวหนังสือจีน เขียนประกอบไว้ในภาพวาดได้ลงตัวและสวยงาม แตกต่างจากอักษรไทย หรืออักษรโรมัน ตัวผมเองมีความคิด(เอาเอง) ว่าเพราะอักษรจีนแท้ที่จริงก็คือรูปวาด เมื่อนำรูปวาดมาใส่ไว้ในรูปวาด มันจึงเป็นส่วนประกอบที่ดูไม่ขัดเขิน

และเนื่องจากอักษรจีนเป็นอักษรภาพนี้เอง จึงทำให้ไม่สามารถสะกดคำอ่านได้เหมือนกับภาษาอื่นๆ

คนจีนโบราณจะต้องเรียนรู้ภาษาจีนและอักษรจีนจากการจดจำ ท่องจำ ว่าตัวอักษรที่เห็นอ่านว่าอย่างไร และหมายความว่าอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่ภายหลังได้มีการคิดค้นการใช้ตัวอักษรที่เรียกว่า พินอิน และจู้อิน มาใช้ประกอบการเรียนรู้อักษรจีน

ปัจจุบันอักษร โรมันพินอิน เป็นที่นิยมแพร่หลาย เพราะคนส่วนมากต่างรู้จักตัวอักษรโรมันกันอยู่แล้ว (ซึ่งก็คืออักษรภาษาอังกฤษนั่นเอง) และบนแป้นคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์แทบทุกเครื่องต่างก็มีอักษรเหล่านี้อยู่ ดังนั้นการเรียนรู้ภาษาจีนจากอักษร โรมันพินอิน จึงง่ายต่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และง่ายต่อการพิมพ์อักษรจีนในอนาคต

ทำไมต้องมีอักษรโรมันพินอิน

เพราะอักษรจีนสะกดเสียงไม่ได้ ตัวอย่างเช่นเราเห็นตัวอักษรหนึ่งตัวหากเราไม่รู้จักตัวอักษรนั้น จะไม่มีวิธีรู้ได้เลยว่าอักษรนั้นอ่านว่าอย่างไร นอกจากไปถามผู้รู้เท่านั้น ดังนั้นจึงมีอักษรโรมันพินอิน เอาไว้เขียนประกอบ หรืออธิบายว่าอักษรจีนแต่ละตัวอ่านออกเสียงว่าอย่างไรนั่นเอง

การศึกษาภาษาจีนจากการเทียบเสียงด้วยภาษาไทยนั้น อาจจะง่ายกว่า แต่ทำให้การออกเสียงนั้นผิดเพื้ยน เพราะภาษาไทยกับภาษาจีนไม่เหมือนกันมีลักษณะการออกเสียงที่ต่างกัน การเขียนเสียงอ่านด้วยภาษาไทยนั้น ได้แค่เพียงเขียนให้คล้ายหรือใกล้เคียงเท่านั้น

ดังนั้นผู้จะศึกษาภาษาจีนจึงควรศึกษาวิธีการอ่าน อักษรโรมันพินอิน ให้เข้าใจเสียก่อนครับ



บ่นมาตั้งนานยังไม่เข้าบทเรียนภาษาจีนเลย เอาละครับบทต่อไปเรามาเริ่มเรียนรู้ภาษาจีนเบื้องต้นกันเลยครับ


.

你好 ! สวัสดีครับ
บล็อกนี้เป็นบล็อกที่ผมได้จัดทำเนื้อหาเรียนรู้ภาษาจีน จากความรู้อันน้อยนิดที่มี เพื่อเป็นแนวทางของเพื่อนๆที่ต้องเริ่มต้นการเรียนรู้ภาษาจีนไปพร้อมๆกันกับผม

ต้องยอมรับว่าขณะนี้ตัวผมเองก็อยู่ในระหว่างกำลังศึกษาภาษาจีนเช่นเดียวกัน ดังนั้นเนื้อหาในบทความต่างๆ อาจไม่ได้เป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับผู้ที่เรียนภาษาจีนอยู่ในระดับสูง และหากเนื้อหามีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย และขอให้ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญช่วยชี้แนะแก้ไขด้วยครับ

สำหรับผู้สนใจโปรดทราบ

  • เนื่องจากบล็อกนี้ใช้อักษรจีนประกอบในเนื้อหา หากคุณเข้ามาแล้วไม่เป็นอักษรจีน หรือตัวหนังสือจีนเป็นสี่เหลี่ยม หรือเป็นภาษาประหลาด ก็แสดงว่าเครื่องของคุณยังไม่มีภาษาจีน ต้องทำการดาวน์โหลด หรือตั้งค้าให้เครื่องของท่านอ่านภาษาจีนได้ก่อนนะครับ ตั้งค่าให้อ่านภาษาจีนได้ คลิกที่นี่
  • และหากต้องการให้เครื่องของท่านพิมพ์ภาำษาจีนได้ ก็มีวิธการง่ายมากๆ ดูวิธีการจากบทความนี้
  • การศึกษาภาษาจีน และการเขียนเทียบเสียงภาษาจีนด้วยภาษาไทยนั้นทำได้ยาก ดังนั้นจึงควรศึกษาวิธีการอ่านอักษร โรมันพินอิน ซึ่งใช้ในการเขียนคำอ่าน ของคำในภาษาจีนด้วยครับ และบล็อกนี้จะใช้อักษร แบบโรมันพินอินที่มีตัวเลขกำกับพยัญชนะนะครับ
การศึกษาภาษาจีนไม่ยากอย่างที่คิด ผมเป็นคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากศูนย์ และเรียนรู้ภาษาจีนแบบบ้านๆ ดังนั้นเนื้อหาการเรียนรู้ภาษาจีนที่ผมเขียน ก็ออกจะบ้านๆสักหน่อย ไม่ได้เขียนตามหลักวิชาการอะไรนัก

เอ้า ... มาเริ่มกันได้เลยครับ


.