欢迎大家一起学习中文

ภาษาจีนไม่ยากอย่างที่คิด ฝึกฝนวันละนิดความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินฝัน

问路 ถามทาง บอกทางภาษาจีน  
ประโยคสนทนาที่ใช้กับการสอบถามเส้นทาง

หากเราเป็นผู้เดินทางและต้องการสอบทางเส้นทางไปที่ใหนสักแห่งกับคนท้องถิ่นที่เราไม่รู้จัก
คำแรกที่สำคัญมากก็คือการขอรบกวนหรือขอร้องเขาก่อน ถ้าเป็นภาษาไทยเรามักจะเริ่มต้นด้วยคำว่า ขอโทษนะครับ หรือขอโทษนะคะ แล้วจึงตามด้วยคำถามว่า ขอถามทางไปที่.... ไปยังไง? เป็นต้น

ในภาษาจีนหากจะสอบถามอะไรก็ตามเราจะพูดว่า

请问 
qǐng wèn
ฉิ่ง เวิ่น
ขอถาม, ขออนุญาติถาม, ขอถามหน่อยครับ/ค่ะ

ตัวอย่างเช่น
"ขอถามหน่อยครับ ไปมหาวิทยาลัยปักกิ่งไปยังไง?"

请问 到北京大学怎么走?


qǐng wèn dào běi jing dà xué zěn me zǒu
ฉิ่งเวิ่น เต้าเป่ย์จิงต้าเสวีย เจิ่นเมอโจ่ว
--------------------------------------------------------------
北京大学 = มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
怎么 = ยังไง, อย่างไร
走 = เดิน, ไป
--------------------------------------------------------------
                                                                                                          
ภาษาจีนกับ ทิศทาง
ตรงไป     = 直走 zhí zǒu จื๋อ โจ่ว
เลี้ยวซ้าย  = 向左转 xiàng zuǒ zhuǎn เซี่ยง โจ่ว จ่วน
เลี้ยวขวา  = 向右转 xiàng yòu zhuǎn เซี่ยง โย่ว จ่วน

เลี้ยวซ้าย  = 往左转 wǎng zuǒ zhuǎn หว่าง โจ่ว จ่วน
เลี้ยวขวา  = 往右转 wǎng yòu zhuǎn หว่าง โย่ว จ่วน
      คำว่า 往 กับ 向 ความหมายเหมือนกันใช้แทนกันได้
ด้านหน้า  = 前面 qián miàn เฉียน เมี่ยน
ด้านหลัง  = 后面 hòu miàn โห้ว เมี่ยน
ตรงข้าม  = 对面 duì miàn ตุ้ย เมี่ยน

东 dōng ตง     = ตะวันออก
nán   หนาน = ใต้
西  xī     ซี      = ตะวันตก
běi    เป่ย์   = เหนือ
东边 dōng bian ตงเปียน     = ด้านทิศตะวันออก
南边 nán bian   หนานเปียน = ด้านทิศใต้
这边 zhè biān    เจ้อเปียน   = ทางนี้
那边 nà biān     น่าเปียน    = ทางนั้น , ทางโน้น

--------------------------------------------------------------
ไกลมั้ย?
远吗?           yuǎn ma  เยวี่ยน มา = ไกลมั้ย
离这儿远吗? lí zhè'er yuǎn ma หลี เจ้อร์ เยวี่ยน มา = ห่างจากที่นี่ไกลมั้ย
离这里远吗? lí zhè lǐ yuǎn ma หลี เจ้อ หลี่ เยวี่ยน มา = ห่างจากที่นี่ไกลมั้ย
远不远?       yuǎn bù yuǎn เยวี่ยน ปู้ เยวี่ยน =ไกลมั้ย

远      yuǎn         เยวี่ยน      = ไกล
不远   bù yuǎn    ปู้ เยวี่ยน    = ไม่ไกล
很远   hěn yuǎn  เหิ่น เยวี๋ยน = ไกลมาก
近      jìn            จิ้น           = ไกล้
靠近   kào jìn      เข้า จิ้น     = เข้าไกล้, ไกล้กับ
很近   hěn jìn     เหิ่น จิ้น     = ใกล้มาก
--------------------------------------------------------------
                                                                                                                
ตัวอย่างประโยคสนทนา

请问 ,从这里到火车站怎么走?
qǐng wèn, cóng zhè lǐ dào huǒ chē zhàn zěn me zǒu?
ขอถามหน่อยครับ , จากตรงนี้ไปสถานีรถไฟไปยังไง?

从这里直走到十字路口 然后往右走
cóng zhè lǐ zhí zǒu dào shí zì lù kǒu rán hòu wǎng yòu zǒu
จากตรงนี้ ตรงไปถึงสี่แยก จากนั้นเลี้ยวขวา
到第一个红绿灯 火车站就在左边
dào dì yī gè hóng lǜ dēng huǒ chē zhàn jiù zài zuǒ biān
ถึงไฟเขียวไฟแดงอันแรก สถานีรถไฟก็จะอยู่ด้านซ้าย
远吗?
yuǎn ma
ไกลมั้ย ?

不远 大概五百米
bù yuǎn dà gài wǔ bǎi mǐ
ไม่ไกล ประมาณห้าร้อยเมตร

--------------------------------------------------------------

我也不知道
wǒ yě bù zhī dào
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

我不是这里的人
wǒ bù shì zhè lǐ de rén
ฉันไม่ใช่คนที่นี่

--------------------------------------------------------------
ภาษาจีนกับ ถนนหนทาง

十字路口 shí zì lù kǒu      สี่แยก
马路        mǎ lù               ถนน
路           lù                     ถนน
红绿灯     hóng lǜ dēng   ไฟเขียวไฟแดง
车           chē                  รถ
汽车        qì chē              รถยนต์
火车        huǒ chē           รถไฟ
公车        gōng chē         รถโดยสาร, รถเมล์
公共汽车  gōng gòng qì chē  รถโดยสาร, รถเมล์
计程车     jì chéng chē     รถแท็กซี่
车站        chē zhàn          ท่ารถ, สถานีรถ
火车站    huǒ chē zhàn    สถานีรถไฟ
公车站    gōng chē zhàn  ป้ายรถเมล์

--------------------------------------------------------------
                                                                                                                    
怎么走?กับ  怎么去?

เจิ่นเมอโจ่ว  จะมีความหมายไปในการถามทางไปว่าจะไปทางซ้ายทางขวา หรือไปตามถนนเส้นใหน คือเป็นการสอบถามเส้นทางนั่นเอง

เจิ่นเมอชวี่  จะมีความหมายออกไปทางถามว่าจะไปยังไง คือจะขับรถไปเอง นั่งรถไป เดินไป หรือไปอย่างไรนั่นเองครับ

ภาษาจีนที่ใช้สำหรับการซื้อขายสิ่งของ

ราคาเท่าไหร่ ? ขายยังไง ? แพงเกินไป, ลดหน่อยได้มั้ย ?
ประโยคสามัญที่จำเป็นเสมอสำหรับการซื้อขายสินค้าใดๆที่ใดก็ตาม

เท่าไหร่?



 多    少 ?

duō shǎo

ตัว   ส่าว  (ตูโอ ส่าว)

คำนี้แปลเป็นไทยตรงๆตามตัวอักษรได้ว่า "มากน้อย" ซึ่งมีความหมายเป็นทำนองว่า กี่มากน้อย หรือมากน้อยแค่ใหน ซึ่งแปลให้เป็นคำที่เข้าใจและใช้กันในภาษาไทยได้ว่า "เท่าไหร่?" เป็นประโยคคำถามที่ใช้กับจำนวนสิ่งของ หรือราคาสิ่งของ หรือปริมาณของสิ่งต่างๆ เช่น

  多    少   钱 ?
duō shǎo qián
 ตัว   ส่าว  เฉียน
 ราคาเท่าไหร่ ?

= เงิน(สตังค์) = Money

 多    少   人 ?
duō shǎo rén
ตัว   ส่าว  เหริน (เยริ๋น)
จำนวนคนเท่าไหร่ ?

 还  有   多   少 ?
hái yǒu duō shǎo
ไห  โหย่ว ตัว ส่าว
ยังมีอีกเท่าไหร่ ?
 还  有 = ยังมี, ยังมีอยู่, ยังมีอีก

 这  一  个   多  少   钱 ?
zhè yī  ge  duō shǎo qián
เจ้อ อี  เกอะ ตัว  ส่าว เฉียน
อันนี้ราคาเท่าไหร่ ?

一  个   多  少   钱 ?
yī  ge  duō shǎo qián
อี  เกอะ ตัว  ส่าว เฉียน
หนึ่งอันราคาเท่าไหร่


  两    个   多  少   钱 ?

liǎng  ge  duō shǎo qián
เหลี่ยง  เกอะ ตัว  ส่าว  เฉียน
สองอันราคาเท่าไหร่


การถามราคาสิ่งของง่ายๆที่สุดคือหยิบหรือชี้สินค้านั้นๆแล้วถามสั้นๆว่า
      多    少 ?
     duō shǎo
คือถามว่า "ตัวส่าว" ไปเลยก็ได้ ก็เป็นที่รู้และเข้าใจกันได้ว่าการถามถึงของสิ่งนั้นราคาเท่าไหร่ เหมือนกับภาษาไทยเราคำว่า "ราคาเท่าไหร่" ก็ถามสั้นๆได้ว่า "เท่าไหร่" เช่นเดียวกัน

ขายยังไง ?

 怎  么 卖?
zěn me mài
เจิ่น เมอ ม่าย
卖 = ขาย
怎么 = อย่างไร, ยังไง
ของสิ่งนีั้ขายยังไง เช่นขายเป็นกิโล ขายเป็นห่อ ขายเป็นชิ้น หรือขายอย่างไรเท่าไหร่
 这  个  怎  么  卖 ?
zhè ge zěn me mài
เจ้อ เกอะ เจิ่น เมอ ม่าย
อันนี้ขายยังไง ? (ของสิ่งนี้ขายยังไง)
แพงเกินไป
太  贵
tài guì
ไท่ กุ้ย
แพงเกิน
太 = เกิน, เกินไป
ตัวอย่างเช่น 太多 = มากเกินไป 太少 = น้อยเกินไป
太  贵 了
tài guì le
แพงเกินไปแล้ว

 很  贵
hěn guì
เหิ่น กุ้ย
แพงมาก

太  贵 了 吧 !
tài guì le ba
ไท่ กุ้ย เลอะ ปา
แพงเกินไปแล้วมั้ง !
ลดหน่อยได้มั้ย ?

可 以 便   宜 一 点  吗?
kě yǐ pián yi yī diǎn ma
เขอ อี่ เผียน อี่ อี เตี่ยน มา
ราคาถูกอีกนิดได้มั้ย ?
 便  宜 一 点   可 以 吗?
pián yi yī diǎn kě yǐ ma
เผียน อิ อี เตี่ยน เขอ อี่ มา
ราคาถูกอีกนิดได้มั้ย ?
 再 便  宜 一 点 啊
zài pián yi yī diǎn a
เผียน อิ อี เตี่ยน อ่า..
ถูกลงอีกหน่อยนะ
-------------------------------------------

ไม่แพง

不 贵
bù guì
ปู้ กุ้ย
ไม่แพง
不  贵  的

bù guì de

ปู้  กุ้ย  เตอะ

ไม่แพงเลย, ไม่แพงหรอก, ไม่แพงนะ

不  贵 啦
bù guì la
ปู้  กุ้ย ลา..
ไม่แพงเลย, ไม่แพงหรอก, ไม่แพงนะ, ไม่แพงหรอกน่า

一  点  都  不  贵
yī diǎn dōu bù guì
อี เตี่ยน โตว ปู้ กุ้ย
ไม่แพงเลยสักนิด
ราคาถูกที่สุดแล้ว, ลดไม่ได้แล้ว
 最  便  宜 了
zuì pián yi le
จุ้ย เผียน อิ เลอะ
ราคาถูกที่สุดแล้ว
已  经  最  便  宜 了
yǐ jīng zuì pián yi le
อี่ จิง จุ้ย เผียน อิ เลอะ
ราคาถูกที่สุดแล้วล่ะ
不   能   过   再   便  宜 了
bù néng guò zài pián yi le
ปู้  เหนิง โก้  ไจ้  เผียน อิ เลอะ
ราคาถูกอีกไม่ได้แล้ว
ราคาคงที่ Fixed Price (ราคาที่กำหนดตายตัวห้ามต่อรอง)

  定  价
dìng jià
ติ้ง  เจี้ย
ราคาฟิกส์, ราคาตายตัว, ราคาคงที่

มีอีกมั้ย, มีอันใหม่มั้ย

还有马?
hái yǒu mǎ
ไห โหย่ว มา
ยังมีอีกมั้ย ?

有新的马?
 Yǒu xīn de ma
โหย่ว ซิน เตอะ มา..
มีอันใหม่มั้ย ?
-------------------------------------------------------------------------------

ตัวอย่างบทสนทนา

 老  板   这  个  怎  么  卖 ?
 lǎo bǎn zhè ge zěn me mài
เหลา ป่าน เจ้อ เกอะ เจิ่น เมอ ม่าย
เถ้าแก่อันนี้ขายยังไง ?

一  包  三  十  五   块  钱
yī bāo sān shí wǔ kuài qián
อี เปา ซาน สือ อู่ ไคว่ เฉียน
หนึ่งห่อสามสิบห้าเหรียญ
 很   贵 ,便  宜 一 点  可 以 吗?
hěn guì pián yi yī diǎn kě yǐ ma
เหิ่น กุ้ย ,เผียน อิ อี เตี่ยน เขอ อี่ มา
แพงมาก, ราคาถูกอีกหน่อยได้มั้ย ?
 不 贵  的 , 这  是  好  品  质
Bù guì de   zhè shì hǎo pǐn zhí
ปู้ กุ้ย เตอะ , เจ้อ ซื่อ ห่าว ผิ่น จี๋อ
ไม่แพงหรอก , อันนี้เป็นของมีคุณภาพ
其 他 地 方 卖 比 这 里 贵 多 了
qí  tā dì fāng mài bǐ zhè lǐ guì duō le
ฉี ทา ตี้ ฟาง ม่าย ปี่ เจ้อ หลี่ กุ้ย ตัว เลอะ
ที่อื่นๆขายแพงกว่าที่นี่เยอะมาก

这 样 好 吗 ,给 你 三 包 一 百 块
zhè yàng hǎo ma ,gěi nǐ sān bāo yī bǎi kuài
เจ้อ ย่าง ห่าว มา, เก๋ย หนี่ ซาน เปา อี ป่าย ไคว่
อย่างนี้ดีมั้ย, ให้คุณสามถุงร้อย
再 便 宜 一 点 啊 !
zài pián yi yī diǎn a
ไจ้ เผียน อิ อี เตี่ยน อา..
ถูกลงอีกนิดนะ !

不 能 过 再 便 宜 ,这 已 经 是 最 便 宜 了
bù néng guò zài pián yi , zhè yǐ jīng shì zuì pián yi le
ปู้ เหนิง โก้ ไจ้ เผียน อิ , เจ้อ อิ่ จิง ซื่อ จุ้ย เผียน อิ เลอะ
ถูกยิ่งกว่านี้ไม่ได้ , นี่เป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้ว

-----------------------------------------------------------------------------

ศัพท์ภาษาจีน

老板 = lǎo bǎn = เจ้าของร้าน, เจ้าของกิจการ, เจ้านาย
品质 = pǐn zhí  = คุณภาพ
其他 = qí tā     = อื่นๆ
地方 = dì fāng = ที่, สถานที่
比    = bǐ        = เปรียบเทียบ, สัดส่วน
能过 = néng guò = สามารถ, สามารถที่จะ...
再    = zài      = อีก, อีกครั้ง
包    = bāo     =ห่อ, ซอง, แพคเกจ
最    = zuì      = ที่สุด, มากที่สุด

定价 = dìng jià = ราคาตายตัว
杀价 = shā jià  = ต่อราคา, ต่อรองราคา
减价 = jiǎn jià  = ต่อราคา, ลดราคา

สำหรับการซื้อขายสินค้าจำเป็นต้องนับเลขคำณวนเลขเป็น พูดได้ฟังออก ดังนั้นจึงควรศึกษาเรื่อง ตัวเลขและการนับจำนวน จากหัวข้อที่ผ่านมาประกอบด้วยนะครับ


การลดราคาสินค้าแบบคนจีน
 
 
打  折
dǎ zhé
ต่า เจ๋อ
ลดราคาสินค้า
 
     ในประเทศไทยและหลายๆประเทศทั่วโลก การลดราคาสินค้าที่เราคุ้นเคยกันคือการลดเป็นเปอร์เซ็นต์ตามแบบสากล เช่นลด 50%  ลด 20% เป็นต้น ส่วนมากก็เป็นป้ายตัวโตๆ สีสันสดใส ในกรอบวงกลม หรือหยักๆ หรือสี่เหลี่ยมก็แล้วแต่ และมีสีสันสดใสให้เห็นเด่นชัด 
     หากเจอป้ายลดราคา 20% ก็หมายถึงคนขายลดราคาลง 20 ส่วนจากทั้งหมด 100 ส่วน เช่นสินค้าราคา 100บาท ลด 20% ก็แสดงว่าลดราคาให้เรา 20บาทใช่มั้ยครับ ซึ่งตัวเลขเปอร์เซ็นที่ลดยิ่งมาก แสดงว่าราคาสิ่งนั้นยิ่งถูกมากตามไปด้วย

     แต่สำหรับคนจีนภาษาจีน การลดราคาสินค้าของเขาจะเป็นการลดราคาแบบ "ต่าเจ๋อ" ซึ่งเป็นการคิดราคาเต็มของสินค้าแบ่งเป็น 10 ส่วน   "เจ๋อ" คือจำนวนราคาที่คนขายต้องการจากส่วนเต็มทั้งสิบส่วนนั้น (อย่าเพิ่งงงนะครับ {- _ -} )  

     การติดป้ายลดราคาของคนจีน จำนวนตัวเลขที่แสดงอยู่ในการ "ต่าเจ๋อ" เป็นจำนวนที่บ่งบอกว่าคนขายเขาจะคิดเงินคุณกี่ส่วนจากราคาเต็มของสินค้า
     เช่นถ้าเห็นพ่อค้าแม่ค้าติดป้ายลดราคาไว้ตามร้านว่า "ต่า7เจ๋อ"

7 折
qī zhé
ชี  เจ๋อ
เจ็ดส่วน

七 = 7 

การ "ต่าชีเจ๋อ" แบบนี้ ตัวเลข 7 ที่เห็นตรงกันข้ามกับการลดเป็นเปอร์เซ็นต์ % อย่างที่เราคุ้นเคยกันชนิดตรงกันข้ามกันเลยนะครับ

打  七  折
dǎ  qī  zhé
ต่า  ชี  เจ๋อ
เอาเจ็ดส่วน, หยิบเจ็ดส่วน
 
"ต่าชีเจ๋อ" หมายถึงว่า ถ้าเดิมของชิ้นนั้นราคาสิบบาท คนขายเขาลดให้เหลือราคาขายอยู่ที่เจ็ดบาท ถ้าของราคา 100บาทแสดงว่าเขาลดราคาลงเหลือ 70บาท ไม่ได้หมายถึงลดราคาให้เราเจ็ดส่วนนะครับ ตัวเลขเจ็ดที่เราเห็นหมายถึงส่วนที่เราต้องจ่ายให้กับพ่อค้าแม่ค้า ไม่ใช่ส่วนที่พ่อค้าแม่ค้าลดให้เรา
 
ดังนั้นถ้าเห็นร้านค้าติดป้ายลดราคา "ต่า ชี เจ๋อ" อย่าได้เข้าใจผิดทีเดียวว่าเขาลดราคา 70% นะครับ แต่หมายถึงลดราคา 30% ตะหาก

9 折 
ก็หมายถึงว่าลดราคา 10% (สิบเอาเก้า)
 
8
หมายถึงลดราคา 20% (สิบเอาแปด)
 
7
หมายถึงลดราคา 30% (สิบเอาเจ็ด)
 
ดังนั้นถ้าตัวเลขที่เห็นในป้าย "ต่าเจ๋อ" ยิ่งมากก็แสดงว่าเขาลดราคาน้อยมาก แต่ถ้าตัวเลขยิ่งน้อย ก็แสดงว่าเขาลดราคามาก ซึ่งกลับกันกับการลดราคาเป็นเปอร์เซ็นต์อย่างที่เราคุ้นเคยกันอยู่แบบตรงกันข้ามเลยทีเดียว

     อีกไม่กี่ปีประเทศในภูมิภาคอาเซียนของเราก็จะเปิดเสรีการค้าเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มตัว เป็นช่องทางให้ผู้คนในภูมิภาคของเราสามารถไปมาหาสู่และทำการค้าขายได้อย่างสะดวกมากขึ้น และภาษาต่างประเทศที่สำคัญเพื่อการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนบ้านในอาเซียน แน่นอนว่าภาษาอังกฤษย่อมมาเป็นอันดับแรกในฐานะภาษากลางของโลก แต่ภาษาจีนก็เป็นอีกหนึ่งภาษาที่สำคัญไม่น้อยเหมือนกัน เพราะประชากรในภูมิภาคอาเซียนหลายประเทศประกอบด้วยชาวจีนโพ้นทะเลซึ่งใช้ภาษาจีนอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือประเทศสิงคโปร์ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และประเทศมาเลเซียที่มีชาวจีนเป็นประชากรที่มีจำนวนมากเป็นอันดับสองของประเทศ นอกจากนั้นยังมีประชากรชาวจีนและผู้คนที่ใช้ภาษาจีนอยู่ในทุกประเทศไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม พม่า ลาว อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา บรูไน และประเทศไทยเราด้วยเช่นกัน

     ความสำคัญอีกอย่างที่ลืมไม่ได้คือประเทศไทยของเรากำลังจะเปิดเสรีการค้า Free trade area (FTA) กับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2558 นี้อีกด้วยเช่นกัน นั่นย่อมทำให้ชาวจีนต้องหลั่งไหลเข้ามายังประเทศไทยของเราอีกเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน

     นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รัฐส่งเสริมให้คนไทยเรียนภาษาจีนกลาง ถึงขั้นบรรจุวิชาภาษาจีนกลางเป็นวิชาหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียนทั่วไปในปัจจุบัน

     ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จำเป็นภาษาที่สองที่ทุกคนต้องเรียนรู้อยู่แล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างก็เรียนและรู้ภาษาอังกฤษอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่รู้ภาษาที่สามนอกจากภาษาอังกฤษย่อมได้เปรียบมากกว่า

     ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วของประเทศจีน ถึงกับมีการคาดการณ์กันว่าในปี คศ.2020 ประเทศจีนจะขึ้นเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกแทนที่สหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว ฐานะทางการเงินที่มั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆของประชากรกว่า 1,300,000,000 คนของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ รวมกับชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศอื่นๆอีกจำนวนมาก ภาษาจีนจึงมีความสำคัญสำหรับโอกาสทางการค้า และธุรกิจการงานมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า เรียนภาษาจีนไปแล้วต้องมีโอกาสได้ใช้ และเป็นประโยชน์ต่อเราในอนาคต ไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน

     การเรียนภาษาไม่จำเป็นต้องคร่ำเคร่งเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่าภาษาอะไรก็ตามขอเพียงกล้าพูดกล้าใช้ หาโอกาสพูดคุยสนทนากับเจ้าของภาษานั้นๆ คนมากมายที่ไม่ได้เรียนภาษาจากห้องเรียนหรือตามหลักสูตรอะไรเลย แต่อาศัยว่าอยู่กับเจ้าของภาษา ไปอยู่ประเทศที่ต้องใช้ภาษานั้นๆ ค่อยๆเรียนรู้ไปวันละเล็กละน้อยเขาก็เก่งภาษานั้นๆได้เช่นกัน

ภาษาจีน.blogspot.com ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังศึกษาเรียนรู้ภาษาจีนทุกคนด้วยครับ.

ภาษาจีนไม่ยากอย่างที่คิด ฝึกฝนวันละนิดความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล

การทักทาย แนะนำตัว เมื่อเจอกันครั้งแรก

การเจอกันครั้งแรก หรือกับคนที่เพิ่งรู้จักเป็นมารยาทสากลที่ต้องกล่าวสวัสดีทักทายกันก่อนด้วยประโยคง่ายๆ อย่างเช่น

你    好
nǐ    hǎo
หนี่ ห่าว  (ออกเสียงว่า หนี ห่าว)

ซึ่ง แปลว่าสวัสดีนั่นเอง ซึ่งจะใช้กับการทักทายบุคคลตัวต่อตัว แต่หากเป็นการแนะนำตัวต่อคนหมู่มาก หรือต่อหน้าคนเยอะๆ เราก็อาจใช้อีกคำหนึ่งแทน คือคำว่า

 大    家
dà    jiā
 ต้า  เจีย

ซึ่งแปลว่า ท่านทั้งหลาย หรือคุณทั้งหลาย
แทนคำว่า หนี่ ที่แปลว่า คุณ

大    家    好
dà    jiā    hǎo
ต้า  เจีย  ห่าว
สวัสดีท่านทั้งหลาย

เป็นต้น


นอกจากนี้เราอาจใช้คำอื่นเป็นคำทักทายแทนได้ เหมือนในภาษาไทยของเราที่ใช้คำว่า สวัสดี หรือตอนช่วงเช้าอาจจะใช้คำว่า อรุณสวัส ก็ได้


早    安
zǎo    ān
เจ่า  อัน
สวัสดีตอนเช้า


午    安
wǔ    ān
หวู่  อัน
สวัสดีตอนบ่าย


เป็นต้น

.................................................

หลังจากกล่าวสวัสดีทักทายกันแล้วก็ควรจะแนะนำตัวเองก่อนโดยเริ่มจากการแนะนำชื่อของเราต่อคนที่เราพูดด้วยว่า

我    名     字    叫 ...
wǒ  míng   zì    jiào ...
หว่อ  หมิง  จื้อ  เจี้ยว...
ฉันมีชื่อเรียกว่า ...


ซึ่งคำว่า 名  字 หมิง จื้อ แปลว่า ชื่อ นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น

我    名     字    叫    小    明
wǒ  míng   zì    jiào  xiǎo  míng
หว่อ  หมิง  จื้อ  เจี้ยว  เสี่ยว  หมิง
ฉันชื่อ เสี่ยวหมิง

การแนะนำชื่อตัวเองในภาษาจีน หากไม่เป็นทางการมากนัก สามารถพูดให้กระทัดรัดแบบนี้ก็ได้

我    叫 ...
wǒ   jiào ...
หว่อ เจี้ยว ...
ฉัน  ชื่อ ...

ตัวอย่างเช่น

我    叫    小    明
wǒ   jiào  xiǎo  míng
หว่อ  เจี้ยว  เสี่ยว  หมิง
ฉัน  ชื่อ เสี่ยว  หมิง

แบบนี้ก็ได้เช่นกันครับ เอาชื่อของเราใส่แทน เสี่ยวหมิง ได้เลยใครชื่ออะไรก็เอาไปประยุกต์ใช้กันเอาเองนะครับ ไม่ใช่เอาไปแนะนำตัวว่าชื่อเสี่ยวหมิงกันทั้งหมดล่ะ  -  -"

................................................

เมื่อแนะนำชื่อของเราแล้ว คู่สนทนาของเราอาจจะแนะนำชื่อของเขาบ้าง แต่ถ้าหากเขาไม่ได้แนะนำชื่อตอบมา เราก็อาจจะถามชื่อแซ่เขาได้เลย เช่น

 请    问    你    贵    姓
qǐng  wèn  nǐ    guì  xìng
ฉิ่ง    เวิ่น   หนี่   กุ้ย   ซิ่ง
ขออนุญาติถามนามสกุลของคุณ

หรือ

请     问    您    贵    姓
qǐng  wèn  nín  guì   xìng
ฉิ่ง    เวิ่น   หนิน กุ้ย   ซิ่ง
ขออนุญาติถามนามสกุลของคุณ

ซึ่งแปลง่ายๆให้ได้ใจความได้ว่า ขอถามหน่อยว่าคุณแซ่อะไร? นั่นเอง
ซึ่งคนจีนหากไม่ได้สนิทกันมากนักมักไม่นิยมเรียกชื่อตัวโดยตรง แต่จะเรียกนามสกุลแทน ถือเป็นการให้เกียรติและสุภาพมากกว่าเรียกชื่อ  
เช่นสมมติว่ามีคนชื่อ

杨    志    明
yáng  zhì  míng
หยาง  จื้อ  หมิง

เราอาจเรียกเขาว่า คุณหยาง, พี่หยาง หรือน้องหยาง แล้วแต่ว่าจะมีความสัมพันธ์กับเราอย่างไร

杨     先     生
yáng  xiān shēng
หยาง  เซียน เซิง
คุณหยาง (ผู้ชาย)

杨      小      姐
yáng  xiǎo    jiě
หยาง  เสี่ยว  เจ่
คุณหยาง (ผู้หญิง)



杨    哥
yáng  gē
หยาง เกอ
พี่หยาง (ผู้ชาย)

杨      姐
yáng   jiě
หยาง  เจ่
พี่หยาง  (ผู้หญิง)

小    杨
xiǎo  yáng
เสี่ยว หยาง
น้องหยาง (เจ้าหยาง)

แต่หากเป็นคนใกล้ชิด หรือเป็นการสนทนาแบบไม่เป็นทางการนัก อาจจะใช้คำถามแบบเป็นกันเองมากขึ้นคือถามชื่อตัวเขาเลยก็ได้เช่น

你    叫    什    么    名    字
nǐ    jiào  shén  me  míng  zì
หนี่  เจี้ยว  เสิ่น  เมอ  หมิง  จื้อ
คุณชื่ออะไร

หรือถามง่ายๆว่า

你    叫    什    么    名
nǐ    jiào  shén  me  míng
หนี่  เจี้ยว  เสิ่น  เมอ  หมิง
คุณชื่ออะไร

ก็ได้เช่นกัน
.............................................................................

หลังจากนั้นจะสนทนาอะไรกันต่อก็แล้วแต่สะดวกครับ ^ ^

..............................................................................

ตัวอย่างบทสนทนา

你    好
nǐ    hǎo
หนี่  ห่าว
สวัสดี

我    叫 มาลี
wǒ   jiào  มาลี
หว่อ  เจี้ยว มาลี
ฉันชื่อมาลี

你    叫    什    么    名 ?
nǐ    jiào  shén  me  míng 
หนี่  เจี้ยว  เสิ่น  เมอ หมิง ?
คุณชื่ออะไร ?

我    叫    小    陈
wǒ   jiào  xiǎo  chén
หว่อ  เจี้ยว  เสี่ยว  เฉิน
ฉันชื่อเสี่ยวเฉิน

很    高    兴    认    识    你
hěn  gāo  xìng  rèn  shí   nǐ
เหิ่น  เกา   ซิ่ง    เริ่น   สื่อ  หนี่
ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รู้จักคุณ (ยินดีที่ได้รู้จัก)


............................................................