欢迎大家一起学习中文

ภาษาจีนไม่ยากอย่างที่คิด ฝึกฝนวันละนิดความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินฝัน

ภาษาจีนที่ใช้สำหรับการซื้อขายสิ่งของ

ราคาเท่าไหร่ ? ขายยังไง ? แพงเกินไป, ลดหน่อยได้มั้ย ?
ประโยคสามัญที่จำเป็นเสมอสำหรับการซื้อขายสินค้าใดๆที่ใดก็ตาม

เท่าไหร่?



 多    少 ?

duō shǎo

ตัว   ส่าว  (ตูโอ ส่าว)

คำนี้แปลเป็นไทยตรงๆตามตัวอักษรได้ว่า "มากน้อย" ซึ่งมีความหมายเป็นทำนองว่า กี่มากน้อย หรือมากน้อยแค่ใหน ซึ่งแปลให้เป็นคำที่เข้าใจและใช้กันในภาษาไทยได้ว่า "เท่าไหร่?" เป็นประโยคคำถามที่ใช้กับจำนวนสิ่งของ หรือราคาสิ่งของ หรือปริมาณของสิ่งต่างๆ เช่น

  多    少   钱 ?
duō shǎo qián
 ตัว   ส่าว  เฉียน
 ราคาเท่าไหร่ ?

= เงิน(สตังค์) = Money

 多    少   人 ?
duō shǎo rén
ตัว   ส่าว  เหริน (เยริ๋น)
จำนวนคนเท่าไหร่ ?

 还  有   多   少 ?
hái yǒu duō shǎo
ไห  โหย่ว ตัว ส่าว
ยังมีอีกเท่าไหร่ ?
 还  有 = ยังมี, ยังมีอยู่, ยังมีอีก

 这  一  个   多  少   钱 ?
zhè yī  ge  duō shǎo qián
เจ้อ อี  เกอะ ตัว  ส่าว เฉียน
อันนี้ราคาเท่าไหร่ ?

一  个   多  少   钱 ?
yī  ge  duō shǎo qián
อี  เกอะ ตัว  ส่าว เฉียน
หนึ่งอันราคาเท่าไหร่


  两    个   多  少   钱 ?

liǎng  ge  duō shǎo qián
เหลี่ยง  เกอะ ตัว  ส่าว  เฉียน
สองอันราคาเท่าไหร่


การถามราคาสิ่งของง่ายๆที่สุดคือหยิบหรือชี้สินค้านั้นๆแล้วถามสั้นๆว่า
      多    少 ?
     duō shǎo
คือถามว่า "ตัวส่าว" ไปเลยก็ได้ ก็เป็นที่รู้และเข้าใจกันได้ว่าการถามถึงของสิ่งนั้นราคาเท่าไหร่ เหมือนกับภาษาไทยเราคำว่า "ราคาเท่าไหร่" ก็ถามสั้นๆได้ว่า "เท่าไหร่" เช่นเดียวกัน

ขายยังไง ?

 怎  么 卖?
zěn me mài
เจิ่น เมอ ม่าย
卖 = ขาย
怎么 = อย่างไร, ยังไง
ของสิ่งนีั้ขายยังไง เช่นขายเป็นกิโล ขายเป็นห่อ ขายเป็นชิ้น หรือขายอย่างไรเท่าไหร่
 这  个  怎  么  卖 ?
zhè ge zěn me mài
เจ้อ เกอะ เจิ่น เมอ ม่าย
อันนี้ขายยังไง ? (ของสิ่งนี้ขายยังไง)
แพงเกินไป
太  贵
tài guì
ไท่ กุ้ย
แพงเกิน
太 = เกิน, เกินไป
ตัวอย่างเช่น 太多 = มากเกินไป 太少 = น้อยเกินไป
太  贵 了
tài guì le
แพงเกินไปแล้ว

 很  贵
hěn guì
เหิ่น กุ้ย
แพงมาก

太  贵 了 吧 !
tài guì le ba
ไท่ กุ้ย เลอะ ปา
แพงเกินไปแล้วมั้ง !
ลดหน่อยได้มั้ย ?

可 以 便   宜 一 点  吗?
kě yǐ pián yi yī diǎn ma
เขอ อี่ เผียน อี่ อี เตี่ยน มา
ราคาถูกอีกนิดได้มั้ย ?
 便  宜 一 点   可 以 吗?
pián yi yī diǎn kě yǐ ma
เผียน อิ อี เตี่ยน เขอ อี่ มา
ราคาถูกอีกนิดได้มั้ย ?
 再 便  宜 一 点 啊
zài pián yi yī diǎn a
เผียน อิ อี เตี่ยน อ่า..
ถูกลงอีกหน่อยนะ
-------------------------------------------

ไม่แพง

不 贵
bù guì
ปู้ กุ้ย
ไม่แพง
不  贵  的

bù guì de

ปู้  กุ้ย  เตอะ

ไม่แพงเลย, ไม่แพงหรอก, ไม่แพงนะ

不  贵 啦
bù guì la
ปู้  กุ้ย ลา..
ไม่แพงเลย, ไม่แพงหรอก, ไม่แพงนะ, ไม่แพงหรอกน่า

一  点  都  不  贵
yī diǎn dōu bù guì
อี เตี่ยน โตว ปู้ กุ้ย
ไม่แพงเลยสักนิด
ราคาถูกที่สุดแล้ว, ลดไม่ได้แล้ว
 最  便  宜 了
zuì pián yi le
จุ้ย เผียน อิ เลอะ
ราคาถูกที่สุดแล้ว
已  经  最  便  宜 了
yǐ jīng zuì pián yi le
อี่ จิง จุ้ย เผียน อิ เลอะ
ราคาถูกที่สุดแล้วล่ะ
不   能   过   再   便  宜 了
bù néng guò zài pián yi le
ปู้  เหนิง โก้  ไจ้  เผียน อิ เลอะ
ราคาถูกอีกไม่ได้แล้ว
ราคาคงที่ Fixed Price (ราคาที่กำหนดตายตัวห้ามต่อรอง)

  定  价
dìng jià
ติ้ง  เจี้ย
ราคาฟิกส์, ราคาตายตัว, ราคาคงที่

มีอีกมั้ย, มีอันใหม่มั้ย

还有马?
hái yǒu mǎ
ไห โหย่ว มา
ยังมีอีกมั้ย ?

有新的马?
 Yǒu xīn de ma
โหย่ว ซิน เตอะ มา..
มีอันใหม่มั้ย ?
-------------------------------------------------------------------------------

ตัวอย่างบทสนทนา

 老  板   这  个  怎  么  卖 ?
 lǎo bǎn zhè ge zěn me mài
เหลา ป่าน เจ้อ เกอะ เจิ่น เมอ ม่าย
เถ้าแก่อันนี้ขายยังไง ?

一  包  三  十  五   块  钱
yī bāo sān shí wǔ kuài qián
อี เปา ซาน สือ อู่ ไคว่ เฉียน
หนึ่งห่อสามสิบห้าเหรียญ
 很   贵 ,便  宜 一 点  可 以 吗?
hěn guì pián yi yī diǎn kě yǐ ma
เหิ่น กุ้ย ,เผียน อิ อี เตี่ยน เขอ อี่ มา
แพงมาก, ราคาถูกอีกหน่อยได้มั้ย ?
 不 贵  的 , 这  是  好  品  质
Bù guì de   zhè shì hǎo pǐn zhí
ปู้ กุ้ย เตอะ , เจ้อ ซื่อ ห่าว ผิ่น จี๋อ
ไม่แพงหรอก , อันนี้เป็นของมีคุณภาพ
其 他 地 方 卖 比 这 里 贵 多 了
qí  tā dì fāng mài bǐ zhè lǐ guì duō le
ฉี ทา ตี้ ฟาง ม่าย ปี่ เจ้อ หลี่ กุ้ย ตัว เลอะ
ที่อื่นๆขายแพงกว่าที่นี่เยอะมาก

这 样 好 吗 ,给 你 三 包 一 百 块
zhè yàng hǎo ma ,gěi nǐ sān bāo yī bǎi kuài
เจ้อ ย่าง ห่าว มา, เก๋ย หนี่ ซาน เปา อี ป่าย ไคว่
อย่างนี้ดีมั้ย, ให้คุณสามถุงร้อย
再 便 宜 一 点 啊 !
zài pián yi yī diǎn a
ไจ้ เผียน อิ อี เตี่ยน อา..
ถูกลงอีกนิดนะ !

不 能 过 再 便 宜 ,这 已 经 是 最 便 宜 了
bù néng guò zài pián yi , zhè yǐ jīng shì zuì pián yi le
ปู้ เหนิง โก้ ไจ้ เผียน อิ , เจ้อ อิ่ จิง ซื่อ จุ้ย เผียน อิ เลอะ
ถูกยิ่งกว่านี้ไม่ได้ , นี่เป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้ว

-----------------------------------------------------------------------------

ศัพท์ภาษาจีน

老板 = lǎo bǎn = เจ้าของร้าน, เจ้าของกิจการ, เจ้านาย
品质 = pǐn zhí  = คุณภาพ
其他 = qí tā     = อื่นๆ
地方 = dì fāng = ที่, สถานที่
比    = bǐ        = เปรียบเทียบ, สัดส่วน
能过 = néng guò = สามารถ, สามารถที่จะ...
再    = zài      = อีก, อีกครั้ง
包    = bāo     =ห่อ, ซอง, แพคเกจ
最    = zuì      = ที่สุด, มากที่สุด

定价 = dìng jià = ราคาตายตัว
杀价 = shā jià  = ต่อราคา, ต่อรองราคา
减价 = jiǎn jià  = ต่อราคา, ลดราคา

สำหรับการซื้อขายสินค้าจำเป็นต้องนับเลขคำณวนเลขเป็น พูดได้ฟังออก ดังนั้นจึงควรศึกษาเรื่อง ตัวเลขและการนับจำนวน จากหัวข้อที่ผ่านมาประกอบด้วยนะครับ


การลดราคาสินค้าแบบคนจีน
 
 
打  折
dǎ zhé
ต่า เจ๋อ
ลดราคาสินค้า
 
     ในประเทศไทยและหลายๆประเทศทั่วโลก การลดราคาสินค้าที่เราคุ้นเคยกันคือการลดเป็นเปอร์เซ็นต์ตามแบบสากล เช่นลด 50%  ลด 20% เป็นต้น ส่วนมากก็เป็นป้ายตัวโตๆ สีสันสดใส ในกรอบวงกลม หรือหยักๆ หรือสี่เหลี่ยมก็แล้วแต่ และมีสีสันสดใสให้เห็นเด่นชัด 
     หากเจอป้ายลดราคา 20% ก็หมายถึงคนขายลดราคาลง 20 ส่วนจากทั้งหมด 100 ส่วน เช่นสินค้าราคา 100บาท ลด 20% ก็แสดงว่าลดราคาให้เรา 20บาทใช่มั้ยครับ ซึ่งตัวเลขเปอร์เซ็นที่ลดยิ่งมาก แสดงว่าราคาสิ่งนั้นยิ่งถูกมากตามไปด้วย

     แต่สำหรับคนจีนภาษาจีน การลดราคาสินค้าของเขาจะเป็นการลดราคาแบบ "ต่าเจ๋อ" ซึ่งเป็นการคิดราคาเต็มของสินค้าแบ่งเป็น 10 ส่วน   "เจ๋อ" คือจำนวนราคาที่คนขายต้องการจากส่วนเต็มทั้งสิบส่วนนั้น (อย่าเพิ่งงงนะครับ {- _ -} )  

     การติดป้ายลดราคาของคนจีน จำนวนตัวเลขที่แสดงอยู่ในการ "ต่าเจ๋อ" เป็นจำนวนที่บ่งบอกว่าคนขายเขาจะคิดเงินคุณกี่ส่วนจากราคาเต็มของสินค้า
     เช่นถ้าเห็นพ่อค้าแม่ค้าติดป้ายลดราคาไว้ตามร้านว่า "ต่า7เจ๋อ"

7 折
qī zhé
ชี  เจ๋อ
เจ็ดส่วน

七 = 7 

การ "ต่าชีเจ๋อ" แบบนี้ ตัวเลข 7 ที่เห็นตรงกันข้ามกับการลดเป็นเปอร์เซ็นต์ % อย่างที่เราคุ้นเคยกันชนิดตรงกันข้ามกันเลยนะครับ

打  七  折
dǎ  qī  zhé
ต่า  ชี  เจ๋อ
เอาเจ็ดส่วน, หยิบเจ็ดส่วน
 
"ต่าชีเจ๋อ" หมายถึงว่า ถ้าเดิมของชิ้นนั้นราคาสิบบาท คนขายเขาลดให้เหลือราคาขายอยู่ที่เจ็ดบาท ถ้าของราคา 100บาทแสดงว่าเขาลดราคาลงเหลือ 70บาท ไม่ได้หมายถึงลดราคาให้เราเจ็ดส่วนนะครับ ตัวเลขเจ็ดที่เราเห็นหมายถึงส่วนที่เราต้องจ่ายให้กับพ่อค้าแม่ค้า ไม่ใช่ส่วนที่พ่อค้าแม่ค้าลดให้เรา
 
ดังนั้นถ้าเห็นร้านค้าติดป้ายลดราคา "ต่า ชี เจ๋อ" อย่าได้เข้าใจผิดทีเดียวว่าเขาลดราคา 70% นะครับ แต่หมายถึงลดราคา 30% ตะหาก

9 折 
ก็หมายถึงว่าลดราคา 10% (สิบเอาเก้า)
 
8
หมายถึงลดราคา 20% (สิบเอาแปด)
 
7
หมายถึงลดราคา 30% (สิบเอาเจ็ด)
 
ดังนั้นถ้าตัวเลขที่เห็นในป้าย "ต่าเจ๋อ" ยิ่งมากก็แสดงว่าเขาลดราคาน้อยมาก แต่ถ้าตัวเลขยิ่งน้อย ก็แสดงว่าเขาลดราคามาก ซึ่งกลับกันกับการลดราคาเป็นเปอร์เซ็นต์อย่างที่เราคุ้นเคยกันอยู่แบบตรงกันข้ามเลยทีเดียว

     อีกไม่กี่ปีประเทศในภูมิภาคอาเซียนของเราก็จะเปิดเสรีการค้าเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มตัว เป็นช่องทางให้ผู้คนในภูมิภาคของเราสามารถไปมาหาสู่และทำการค้าขายได้อย่างสะดวกมากขึ้น และภาษาต่างประเทศที่สำคัญเพื่อการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนบ้านในอาเซียน แน่นอนว่าภาษาอังกฤษย่อมมาเป็นอันดับแรกในฐานะภาษากลางของโลก แต่ภาษาจีนก็เป็นอีกหนึ่งภาษาที่สำคัญไม่น้อยเหมือนกัน เพราะประชากรในภูมิภาคอาเซียนหลายประเทศประกอบด้วยชาวจีนโพ้นทะเลซึ่งใช้ภาษาจีนอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือประเทศสิงคโปร์ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และประเทศมาเลเซียที่มีชาวจีนเป็นประชากรที่มีจำนวนมากเป็นอันดับสองของประเทศ นอกจากนั้นยังมีประชากรชาวจีนและผู้คนที่ใช้ภาษาจีนอยู่ในทุกประเทศไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม พม่า ลาว อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา บรูไน และประเทศไทยเราด้วยเช่นกัน

     ความสำคัญอีกอย่างที่ลืมไม่ได้คือประเทศไทยของเรากำลังจะเปิดเสรีการค้า Free trade area (FTA) กับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2558 นี้อีกด้วยเช่นกัน นั่นย่อมทำให้ชาวจีนต้องหลั่งไหลเข้ามายังประเทศไทยของเราอีกเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน

     นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รัฐส่งเสริมให้คนไทยเรียนภาษาจีนกลาง ถึงขั้นบรรจุวิชาภาษาจีนกลางเป็นวิชาหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียนทั่วไปในปัจจุบัน

     ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จำเป็นภาษาที่สองที่ทุกคนต้องเรียนรู้อยู่แล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างก็เรียนและรู้ภาษาอังกฤษอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่รู้ภาษาที่สามนอกจากภาษาอังกฤษย่อมได้เปรียบมากกว่า

     ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วของประเทศจีน ถึงกับมีการคาดการณ์กันว่าในปี คศ.2020 ประเทศจีนจะขึ้นเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกแทนที่สหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว ฐานะทางการเงินที่มั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆของประชากรกว่า 1,300,000,000 คนของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ รวมกับชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศอื่นๆอีกจำนวนมาก ภาษาจีนจึงมีความสำคัญสำหรับโอกาสทางการค้า และธุรกิจการงานมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า เรียนภาษาจีนไปแล้วต้องมีโอกาสได้ใช้ และเป็นประโยชน์ต่อเราในอนาคต ไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน

     การเรียนภาษาไม่จำเป็นต้องคร่ำเคร่งเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่าภาษาอะไรก็ตามขอเพียงกล้าพูดกล้าใช้ หาโอกาสพูดคุยสนทนากับเจ้าของภาษานั้นๆ คนมากมายที่ไม่ได้เรียนภาษาจากห้องเรียนหรือตามหลักสูตรอะไรเลย แต่อาศัยว่าอยู่กับเจ้าของภาษา ไปอยู่ประเทศที่ต้องใช้ภาษานั้นๆ ค่อยๆเรียนรู้ไปวันละเล็กละน้อยเขาก็เก่งภาษานั้นๆได้เช่นกัน

ภาษาจีน.blogspot.com ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังศึกษาเรียนรู้ภาษาจีนทุกคนด้วยครับ.

ภาษาจีนไม่ยากอย่างที่คิด ฝึกฝนวันละนิดความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล